วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

วรรคทองในวรรณคดี ๒


                            
ต่อจากตอนที่แล้ว ยังมีวรรคทองจากวรรณคดีอีกหลายเรื่องมาฝากค่ะ  
                               แมลงภู่เป็นคู่ของบุปผา                       บูราณว่าเห็นจริงทุกสิ่งสม
                    หญิงกับชายก็เป็นคู่ชูอารมณ์                        ชั่วปฐมกัปป์กัลป์พุทธันดร
                    ใครมีคู่พลัดคู่ไม่มีสุข                                  มักเกิดทุกข์ใหญ่ยิ่งกว่าสิงขร
                    เหมือนตัวเรียมร่ำรักหนักอุทร                         ด้วยจากจรมิได้อยู่เป็นคู่เชย
                                                                                             "นายมี"
                                                                                     (นิราศพระแท่นดงรัง)

                ***เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก       แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
              ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน                       แต่น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแลฯ
                                                                                             "สุนทรภู่"
                                                                                          (พระอภัยมณี)
                  ***ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด      บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้
              เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน                อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา
                                                                                              "สุนทรภู่"
                                                                                         (นิราศภูเขาทอง)

                  ***คำโบราณท่านว่าเหล็กแข็งกระด้าง        เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์ฯ
                                                                                               "สุนทรภู่"
                                                                                       (เพลงยาวถวายโอวาท)

                  ***บาทหลวงว่าวิสัยในมนุษย์                   ฟันจะหลุดแล้วก็ห้ามปรามไม่ไหว
               ห้ามเกศาว่าอย่าหงอกยังนอกใจ                    มันขืนหงอกออกจนได้มันไม่ฟัง
                                                                                                "สุนทรภู่"
                                                                                             (พระอภัยมณี)

                  ***เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น             ระวังตนตีนมือระมัดมั่น
              เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน                  ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล
                                                                                              "สุนทรภู่"
                                                                                            (นิราศพระบาท)

                          ***ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก             สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
                      ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป                           แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน
                                                                                                "สุนทรภู่"
                                                                                           (นิราศภูเขาทอง)

                           ***อันเมารักมักหลงพะวงรัก                     ใครจะชักฉุดไว้ก็ไม่ไหว
                     กำลังมืดเมามัวไม่กลัวใคร                               คงจะไปหารักที่พักพิง
                                                                                                 "นายมี"
                                                                                         (นิราศพระแท่นดงรัง)

                         " วรรคทอง"ในวรรณคดี  ยังมีอีกมาก  วันหลังจะสรรหามาฝากใหม่นะคะ....

วรรคทองในวรรณคดี


วรรคทองในวรรณคดี

                วันนี้เก็บ"วรรคทอง" ในวรรณคดีที่อ่านจากหนังสือเล่มต่าง ๆ มาฝากกันค่ะ

                        *** เกิดมาต้องร่าเริงเข้าไว้              จะบูดบึ้งทำไมไม่สดชื่น
                 หัวเราะเป็นเล่นหรือจริงยิ่งครึกครื้น             อายุยืนหมื่นปีดีไหมล่ะ?
                 เวทีโลกโชคเราเข้ามาเล่น                         ต้องรำเต้นเต้นรำตามจังหวะ
                 ควรถี่ห่างอย่างไรไว้ระยะ                          จะเป็นพระหรือนางอย่างเดียวกัน
                 ในโลกนี้มีทั้งสุขสนุก                                 ค้นไม่พบต้องทุกข์เป็นแม่นมั่น
                 ทิ้งอบอุ่นวุ่นหาแต่หนาวนั้น                         โทษใครนั่นขอได้โปรดโทษตนเอง
                 คนหน้าเศร้าคือเขาดื่มยาพิษ                       ทอนอายุเป็นนิจไม่เหมาะเหมง
                 คนสำราญเบิกบานใจครื้นเครง                    เขาปลั่งเปล่งลิ้มรส "อมฤต"
                                                                                             "ครูเทพ"
                                                                                    (โคลงกลอนของครูเทพ)

                           ***จะหักอื่นขืนหักก็จักได้                  หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
                  สารพัดตัดขาดประหลาดนัก                          แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ
                                                                                            "สุนทรภู่"
                                                                                         (นิราศอิเหนา)

                    ***ถึงมีเพื่อนเหมือนพี่ไม่มีเพื่อน           เพราะไม่เหมือนนุชนาฏที่มาดหมาย
             มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย               มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม
             ถึงจะมีวิมานสถานทิพย์                               ให้ลอยลิบเลิศมนุษย์สุดประถม
             ถ้าไม่มีคู่เคียงเรียงภิรมย์                              จะเกรียมตรมตรึกหาเป็นอาจิณ
                                                                                             "นายมี"
                                                                                     (นิราศพระแท่นดงรัง) 

ตัวอย่างบทอัศจรรย์จากวรรณคดี เรื่องพระอภัยมณี






บทอัศจรรย์จากเรื่อง พระอภัยมณี
        ๏  เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติดกระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียงปักเป้าเหวี่ยงยักเปละกระแซะชิด
กุลาโคลงไม่สู้คล่องกระพร่องกระแพร่งปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิดประกบติดตกผางลงกลางดิน

ตัวอย่างบทอัศจรรย์ในวรรณคดี เรื่อง พระไชยสริยา





บทอัศจรรย์ในกาพย์พระไชยสุริยา(พระไชยสุริยากับพระนางสุมาลี)
        ๏ ขึ้นกดบทอัศจรรย์เสียงครื้นครั่นชั้นเขาหลวง
นกหกตกรังรวงสัตว์ทั้งปวงง่วงงุนโงง
แดนดินถิ่นมนุษย์เสียงดังดุจพระเพลิงโพลง
ตึกกว้านบ้านเรือนโรงโคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน
บ้านช่องคลองเล็กใหญ่บ้างตื่นไฟตกใจโจน
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกนลุกโลดโผนโดนกันเอง
พิณพาทย์ระนาดฆ้องตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
ระฆังดังวังเวงโหง่งหง่างเหง่งเก่งก่างดัง
ขุนนางต่างลุกวิ่งท่านผู้หญิงวิ่งยุดหลัง
พัลวันดันตึงตังพลั้งพลัดตกหกคะเมน
พระสงฆ์ลงจากกุฏิวิ่งอุตลุตฉุดมือเณร
หลวงชีหนีหลวงเถรลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน
พวกวัดพลัดเข้าบ้านล้านต่อล้านซานเซโดน
ต้นไม้ไกวเอนโอนลิงค่างโจนโผนหกหัน
พวกผีที่ปั้นลูกติดจมูกลูกตาพลัน
ขิกขิกระริกกันปั้นไม่ทันมันเดือดใจ
สององค์ทรงสังวาสโลกธาตุหวาดหวั่นไหว
ตื่นนอนอ่อนอกใจเดินไม่ได้ให้อาดูร

ตัวอย่างบทอัศจรรย์ในวรรณคดี เรื่อง ขุนช้างขุนแผน









บทอัศจรรย์ในขุนช้างขุนแผน พลายแก้วกับนางพิมพ์
        ๏ สนิทหลับรับขวัญเจ้าทั้งหลับ
ดังยิ้มรับให้พี่มาร่วมหมอน
โฉมแฉล้มแย้มยิ้มพริ้มเพรางอน
งามเนตรเมื่อเจ้าค้อนพี่ยามชม
คอคางบางแบบกระทัดรัด
เล็กยาวขาวขัดดูงามสม
ไม่พร่องบกอกนางอล่างนม
ค้อยผงมสงวนต้องประคองทรวง ๚
๏บทอัศจรรย์

     ๏ ประเดี๋ยวจับประเดี๋ยวจูบเฝ้าลูบชม
แก้มกับนมนี่เจ้าชื้อมาหรือขา
ทำเล่นเหมือนเป็นเชลยมา
ฟ้าผ่าเถอะไม่ยั้งไม่ฟังกัน
จะหยิกเท่าไรก็ไม่เจ็บ
ฉวยเล็บมาจะหักให้สะบั้น
อุยหน่าอย่าทำสำคัญ
ฟาดฟันเอาเถิดไม่น้อยใจ
ทำเล็บหักเหมือนไม่รักพี่จริงจัง
ถึงเงินชั่งหนึ่งหารักเท่าเล็บไม่
เข้าชิดสะกิดพิมยิ้มละไม
อุ้มแอบอกไว้ด้วยปรีดา ๚

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

วรรณคดีไทยในหลายแง่มุม ตอน บทอัศจรรย์ในวรรณคดี

บทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทย


ความหมาย        บทอัศจรรย์คือบทที่พระนางมีเพศสัมพันธ์กัน ซึ่งกวีแต่ละท่านจะมีลีลาในการนำเสนอ
โดยใช้ภาษาและสิ่งสมมุติที่แตกต่างกัน บ้างก็ใช้ลักษณะของลมพายุ คลื่น ทะเล บ้างก็ใช้
ผีเสื้อกับดอกไม้ ถือว่าเป็นการนำเสนอศิลปะอย่างหนึ่งของกวี เพราะกวีจะไม่นำเสนอแบบ
ตรงไปตรงมา ผู้อ่านไม่สามารถแปลความตามตัวอักษรได้ ต้องอาศัยจินตนาการ

       ในวรรณคดีไทยมักมีบทอัศจรรย์ แทรกอยู่ด้วย เรื่องความรักและเพศสัมพันธ์
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ในการพรรณนาฉากรักฉากพิศวาสของตัวละครหญิงชาย กวีไทย
ไม่นิยมกล่าวตรงไปตรงมา แต่จะกล่าวถึงโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบหรือใช้ สัญลักษณ์แทน
บทนี้เรียกว่า “บทอัศจรรย์” กล่าวคือกวีใช้ธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์แทนการแสดงพฤติกรรม
ทางเพศ บทอัศจรรย์จึงเป็นบทที่ต้องใช้ความสามารถในการแต่ง เพื่อให้เป็นงานศิลปะมิใช่
อนาจาร